The Sulcata Tortoise or The African spurred tortoise (Geochelone sulcata)
พูด
ถึงเต่าใครๆก็คงนึกว่ามันต้องอยู่ในน้ำ และกินผักบุ้งเป็นอาหาร ลำตัวสีดำ
สามารถพบเห็นได้เฉพาะหน้าวัดตามกาละมังสีดำๆ .... ครับในโลกของเราชาว
Exotic Pet มันมีอะไรมากกว่านั้นอีกเยอะครับ
ชาวเรารู้จักเต่ามากมายไม่ว่าจะเป็นเต่าเดือยของไทย (Manouria impressa (Gunther, 1882)) ที่พบเจอเฉพาะบนเทือกเขาสูงๆ หรือเต่ากัลปากอส (Chelonoidis nigra) 1 ในเต่ายักษ์ใหญ่ที่สุดในโลกที่ค่าตัวแพงแสนแพงและแทบจะไม่เคยได้เห็นกันเลยตามตลาดสัตว์เลี้ยงทั่วไป

การ
เลี้ยงเต่าบกเป็นทั้งงานอดิเรกที่ช่วยให้เรามีความสุขกับการดูแลพัฒนาการของ
สัตว์เลี้ยงตัวน้อย และยังทำให้ครอบครัวมีกิจกรรมร่วมกันที่ดีอีกด้วยครับ
สำหรับ
ผู้อ่านทั่วไป
ที่บังเอิญญญญ...มาเจอเพจนี้เข้าและเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการจะรู้จักเต่า
ให้มากไปกว่า "เต่าต้องอยู่ในน้ำ และกินผักบุ้งเป็นอาหาร"
แล้วผมอยากจะขอแนะนำให้รู้จักเต่าบกที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายและมันเป็นเต่าบก
(Tortoise) ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก
เป็นรองแพงแค่เต่ากัลปากอส The Galápagos tortoise (Chelonoidis nigra) และเจ้าของอันดับสองอย่าง The Aldabra Tortoise (Aldabrachelys gigantea) และมันผู้นั้นก็คืออออออออ ก็คือออออออออ เ จ้ า เ ต่ า ซู ค า ต้ า ผู้ นี้ นี่ เอง ง ง ง ง ง ง ง ง ง ง

รูปเต่าซูคาต้าขนาดโตเต็มที่ กับลูกเต่าที่เพิ่งเกิดใหม่ครับ
อ้างอิงจาก http://imgur.com/gallery/j9Tq0
เต่า
ซูคาต้าเป็นเต่าบกขนาดใหญ่ที่พบเจอได้ในตอนเหนือของทวีปอาฟริกา
ไปจนถึงตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาร่า (Sahara Desert) แถบประเทศเซเนกัล
,มอริทาเนีย ,มาลี ,ไนเจอ ,ชาด ,ซูดาน ,เอธิโอเปีย ไปจนถึงเขตของทะเลแดง
(Red Sea) ที่เป็นภูมิประเทศเขตร้อนและแห้งแล้ง

รูปขอบเขตที่พบเจอเต่าซูคาต้าในธรรมชาติครับ
อ้างอิง http://www.sulcata-station.org/basics.html
ปัจจุบัน นี้เราสามารถพบเจอเต่าซูคาต้าได้มากมายตามแหล่งสัตว์เลี้ยงใหญ่ๆนั่นก็คือ สวนจตุจักรนั่นแหละครับ โดยลูกเต่าซูคาต้าในปัจจุบันแทบทั้งหมดเป็นเต่าที่เกิดในไทย โตในไทยทั้งนั้น ในช่วงปัจจุบันคนไทยสามารถเพาะเลี้ยงทำฟาร์มเต่าซูคาต้าและส่งออกได้เป็น จำนวนมาก ผมว่าถึงจะไม่ใช่อันดับ 1 ของโลก แต่ก็คงอยู่ลำดับต้นๆแน่ เพราะลูกเต่าซูคาต้าในแต่ละปีที่พบเห็นเข้ามาขายในตลาดมีไม่ต่ำกว่า 10,000 ตัวแน่ๆทั้งส่งออก ทั้งขายในประเทศครับ ส่วนเต่าซูคาต้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกานั้น 2 ปีที่ผ่านมาสู้ต้นทุนการเพาะเลี้ยงในไทยไม่ได้เลยครับ จะมีการนำเข้ามาก็เพียงแต่เฉพาะเต่าซูตาต้าแบบเผือกตาแดง (Albino) หรือเผือกตาฟ้า (Ivory) เท่านั้นครับ

Albino Sulcata ค่าตัวหลักแสน ชุดนี้ทางร้านเรานำเข้ามาขายในไทยครับ

Ivory Sulcata ที่นำเข้ามาและขายไปเมื่อปีที่แล้ว
เต่า ซูคาต้านั้นนับเป็นเต่าบนผืนแผ่นดิน(Main-Land)ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพราะเจ้าของอันดับ 1 และ 2 อย่างเต่ากัลปากอสและอัลดราบ้านั้นอาศัยอยู่บนเกาะอันโดดเดี่ยว ห่างไกลจากผู้ล่าทั่วไป เต่าซูคาต้าเมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดความยาว (Carapace Length) ประมาณ 65-70 เซนติเมตร และมีน้ำหนัก 50-70 กิโลกรัม และจากสถิติที่มีการบันทึกไว้จากสวนสัตว์ Giza ในประเทศอียิปต์ เต่าซูคาต้าเพศผู้มีน้ำหนัก 105 กิโลกรัม ความยาวกระดอง 104 เซนติเมตร และเต่าซูคาต้าในที่เลี้ยงที่มีอายุยืนที่สุดก็มาจากสวนสัตว์กีซ่าแห่งนี้ นี่เอง โดยมีอายุยืนถึง 54 ปีเลยทีเดียวครับ เพราะฉะนั้นใครอยากจะเลี้ยงเจ้าเต่าตัวน้อยๆที่เห็นตามร้านก็จงได้คิด ไตร่ตรองถึงอนาคตที่จะต้องพบเจอกับมันไปหลายสิบปีด้วยนะครับ
เต่าซูคาต้านั้นเป็นเต่าที่มีกระดอง (Carapace) กว้าง แบน ไม่สูงเป็นโดมเหมือนอย่างเต่าเรเดียต้า (Astrochelys radiata) และเต่ายูนิฟลอร่า (Astrochelys yniphora)
ญาติตัวน้อยคู่หู
คู่ฮาที่ใครคิดจะเลี้ยงก็ระวังตัวกันดีๆนะครับเดี๋ยวจะเสียทั้งค่าตัวมหาโหด
ไม่พอยังต้องจ่ายค่าประกันตัวกับตำรวจอีกหลายบาท .....
กลับมาพูดถึงเต่าซูคาต้าต่อดีกว่า
กระดองของเต่าซูคาต้าเมื่อมีขนาดเล็กจะมีสำน้ำตาลเข้มตัดกันกับช่วงกลางของ
เกล็ด (Scute) ที่มีสีเหลืองอ่อน
แต่เมื่อเต่าโตขึ้นจะเริ่มเปลี่ยนสีไปเป็นสีน้ำตาลอ่อนไปจนสีคล้ายไม้สัก
เมื่อเต่าโตเต็มที่ ซึ่งทำให้เต่าซูคาต้าเมื่อโตเต็มที่มีความสวยงามมากๆ
ยิ่งเมื่อรวมกับข้อดีของมันคือกินเก่ง โตเร็ว ไม่อยู่นิ่งๆเฉยๆ
มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เลี้ยงตลอดเวลาทั้งเดินมาหา ทั้งขออาหารกิน
จึงทำให้มันเป็นเต่าชนิดแรกๆที่ถูกพูดถึงเมื่อเราต้องการจะเลี้ยงเต่าบกซัก
ตัวในชีวิตครับ
ขาหน้าของเต่าซูคาต้านั้นหนาเป็น
เกล็ดแข็งตั้งขึ้นและอข็งแรงมากๆ
มันมีประโยชน์โดยที่มันจะใช้ขาหน้านี้ขุดหลุมเพื่อลงไปนอนหลบแดดที่ร้อนจัด
ในเวลากลางวันของทะเลทราย หรือใช้เพื่อขุดหาน้ำและความชื้นที่อย่ใต้ดิน
ผิวหนังของเต่าซูคาต้าก็มีความหนาเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำในเขตภูมิประเทศ
ที่เป็นทะเลทรายและหาน้ำกินได้ยาก
เพราะฉะนั้นถ้าใครเลี้ยงเต่าซูคาต้าก็ต้องระวังการเลี้ยงโดยใช้เพียงแค่รั้ว
กั้น เพราะมันสามารถขุดดินหนีออกไปได้โดยง่ายครับ

รูปลูกเต่าซูคาต้าอายุประมาณ 1-2 เดือนที่แข็งแรงและสามารถนำออกมาจำหน่ายได้ครับ
ปกติ
ในธรรมชาตินั้นเต่าซูคาต้าจะถ่ายปัสสาวะประมาณ 0.64 ml ต่อวัน
แต่ในที่เลี้ยงที่มีความชื้นหรือได้รับน้ำมากขึ้นเป็น 1-2 ml
ต่อวันซึ่งมีผลเสียต่อไตของสัตว์เลื้อยคลานที่ยังไม่เจริญดีเท่ากับสัตว์
เลี้ยงลูกด้วยนม
เมื่อมันขับถ่ายการสูญเสียน้ำที่มากเกินไปอาจจะก่อให้เกิดปัญหากับไต
รวมทั้งการติดเชื้อที่ผิวหนังและกระดองได้
เพราะฉะนั้นการเลี้ยงเต่าซูคาต้าในที่ที่มีความชื้นมาก
หรือในสถานที่เปิดอย่างสนามหญ้าที่รดน้ำชุ่มเป็นปกติ
จึงไม่ใช่วิธีการเลี้ยงเต่าซูคาต้าที่ดีอย่างแน่นอน
โดย
การเลี้ยงเต่าซูคาต้าแบบ indoor (ภายในที่ปิดไม่ได้ปล่อยกลางแจ้ง)
ดูจะเหมาะสมกับเต่าซูคาต้าในขนาดเล็กมากกว่าการเลี้ยงกลางแจ้ง
เพราะการเลี้ยงแบบ indoor เราสามารถควบคุมปัจจัยต่างๆทั้งอาหาร
ความชื้นความร้อนได้ง่ายกว่า และในเต่าขนาดเล็กเมื่อเลี้ยงแบบ outdoor
นั้นอาจจะทำให้เต่าสามารถติดเชื้อโรค ปรสิต
โปรโตซัวตัวที่ก่อให้เกิดโรคที่มีอยู่มากมายในดิน
การเลี้ยงเต่าจนกว่าจะมีอายุ 1-2 ปีหรือมีขนาด 12
นิ้วขึ้นไปในสถานที่เลี้ยง indoor
จึงเป็นวิธีป้องกันและลดอัตราการตายในเต่าขนาดเล็กได้ดีที่สุด
ภาชนะ
ที่ใช้เลี้ยงเต่าซูคาต้าแบบ indoor นั้นควรเลือกชนิดที่เป็นพลาสติก ยาง
ไม่ควรใช้ปูน ซีเมนต์ก่อ
หรืออิฐเนื่องจากเต่าซูคาต้าเป็นเต่าที่ชอบเดินไปมาและเอากระดองดัน
ขูดตามขอบผนังที่เลี้ยง อาจจะทำให้กระดองเกิดรอบหรือบาดแผลถลอก
ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังได้ครับ หมา
แมวและสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นก็เป็นสิ่งพึงระวังมันจะเข้ามาทำอันตรายกับลูก
เต่าซูคาต้าที่มีขนาดเล็ก และยังป้องกันตัวเองได้ไม่มากนัก .... หนู
ก็เป็นสัตว์ตัวอันตรายที่เราต้องระวังมากๆในเวลากลางคืน
ผมเคยได้ยินผู้เลี้ยงหลายๆท่านบอกเล่าว่าลืมผิดที่เลี้ยง
ตื่นเช้ามาเห็นเต่าซูคาต้าเหลือแต่กระดอง
หรือโดนแทะกัดกินไปครึ่งตัวมานักต่อนักแล้วครับ
การเลี้ยงเต่าซู
คาต้าแบบ outdoor นั้นต้องคำนึงถึงสภาพปกติที่เต่านั้นเป็นอยู่ก่อน
เนื่องจากมันเป็นสัตว์ที่มาจากเขตร้อน
แห้งแล้งเพราะฉะนั้นเราจึงควรจัดที่เลี้ยงให้แห้งอยู่เสมอ
จัดคอกให้มีทั้งส่วนที่โดนแดด
และส่วนที่เป็นที่ร่มให้เต่าหลบแดดยามที่แสงแดดร้อนมากเกินไปก็เป็นสิ่งที่
จำเป็นครับ
ความกว้างใหญ่ของคอกที่เลี้ยงก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ถึงสุขภาพการเจริญเติบโตของเต่าซูคาต้าได้ เนื่องจากขนาดความใหญ่โตของมันและความที่มัน active มากๆในแต่ละวันมันมักจะเดินสำรวจสิ่งต่างๆรอบตัวอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นการเลือกขนาดของคอกเต่าจึงควรจะจัดให้ใหญ่มากที่สุดเท่าที่จะทำ ได้ และไม่ควรจะเล็กเกินกว่า 5 เท่าของขนาดเต่า ความแข็งแรงของรั้วก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพึงระวัง เพราะขนาดและน้ำหนักของมันสามารถชน พังรั้วที่ไม่แข็งแรงมากได้อย่างง่ายดาย พื้นที่ที่ลาดเอียง หรือวัสดุตกแต่งที่เลี้ยงที่มีความลาดเอียงมากๆก็เป็นสิ่งที่เราต้องหลีก เลี่ยงเพราะมันอาจจะทำให้เต่าปีนขึ้นไปแล้วพลิกหงายหลัง ในบางทีอาจจะทำให้เต่าไม่สามารถพลิกตัวกลับมาปกติได้จะทำให้มันถูกแดดเผาตาย ได้ หรือมันอาจจะหายใจไม่ออกเนื่องจากปอดเต่าอยู่ด้านบนของกระดอง เมื่อมันหงายหลังแล้วถูกน้ำหนักของอวัยวะภายในกดทับปอด ทำให้ปอดไม่สามารถพองตัวและแลกเปลี่ยนก๊าซเป็นปกติได้
ความกว้างใหญ่ของคอกที่เลี้ยงก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ถึงสุขภาพการเจริญเติบโตของเต่าซูคาต้าได้ เนื่องจากขนาดความใหญ่โตของมันและความที่มัน active มากๆในแต่ละวันมันมักจะเดินสำรวจสิ่งต่างๆรอบตัวอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นการเลือกขนาดของคอกเต่าจึงควรจะจัดให้ใหญ่มากที่สุดเท่าที่จะทำ ได้ และไม่ควรจะเล็กเกินกว่า 5 เท่าของขนาดเต่า ความแข็งแรงของรั้วก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพึงระวัง เพราะขนาดและน้ำหนักของมันสามารถชน พังรั้วที่ไม่แข็งแรงมากได้อย่างง่ายดาย พื้นที่ที่ลาดเอียง หรือวัสดุตกแต่งที่เลี้ยงที่มีความลาดเอียงมากๆก็เป็นสิ่งที่เราต้องหลีก เลี่ยงเพราะมันอาจจะทำให้เต่าปีนขึ้นไปแล้วพลิกหงายหลัง ในบางทีอาจจะทำให้เต่าไม่สามารถพลิกตัวกลับมาปกติได้จะทำให้มันถูกแดดเผาตาย ได้ หรือมันอาจจะหายใจไม่ออกเนื่องจากปอดเต่าอยู่ด้านบนของกระดอง เมื่อมันหงายหลังแล้วถูกน้ำหนักของอวัยวะภายในกดทับปอด ทำให้ปอดไม่สามารถพองตัวและแลกเปลี่ยนก๊าซเป็นปกติได้
Tip>>
-การจับเต่าเล่นโดยพลิกตัวด้านท้องขึ้นเป็นเวลานานจึงเป็นสิ่งที่ทรมานเต่ามากๆนะครับ
-เต่า
ซูคาต้าเป็นสัตว์ที่กินอาหารเก่งมาก มักจะกินโดยไม่เลือก
จึงทำให้มันมีโอกาศกินเอาเศษถุงพลาสติก โฟม เหรียญ กระดาษ ตะปู
อลูมิเนียมชิ้นเล็กๆเข้าไปและก่อให้เกิดอันตรายได้นะครับ

สถานที่เลี้ยงแบบ indoor ที่จัดสรรได้อย่างสวยงามและลงตัวครับ
อ้างอิง http://www.tortoiseforum.org/thread-18448.html
Food and Feeding
นี่ นับเป็นหัวใจหลักของการเลี้ยงเต่าซูคาต้าเลยนะครับ คนที่เคยมีประสบการณ์ในการเลี้ยงเจ้าเต่าซูคาต้ามาแล้วจะพบว่ามันคือเครื่อง จักรนักกินผักอย่างแท้จริง เพราะวันทั้งวันมันจะมีแต่กิน ๆ ๆ ๆ และนอนเท่านั้น โดยในเต่าซูคาต้านั้นมีตำรากล่าวไว้ว่าควรเลี้ยงแบบวัวและควาย คือให้เฉพาะหญ้ากับมันก็พอ ซึ่งจะทำให้มันได้รับไฟเบอร์จากหญ้ามากมายเพียงพอ ไม่ทำให้มันเกิดอาหารของโรคชนิดต่างๆเกี่ยวกับทางเดินอาหาร แต่ในความเป็นจริงของเราๆ การจะบังคับสมาชิกใหม่ให้กินเฉพาะหญ่ามันก็ดูลำบากลำบน ขัดใจของเราบ้าง ยิ่งในเต่าขนาดเล็ก หลายๆตัวปฏิเสธและไม่ยอมรับอาหารที่แข็งและเหนียวอย่างหญ้าได้โดยง่าย เพราะฉะนั้นการเอาผักต่างๆอย่างผักบุ้งมาผสมกับหญ้าป่นสำเร็จรูปที่มีขายตาม ร้านก็เป็นความคิดที่ดีนะครับ

หญ้าสำเร็จรูปที่ทางร้านนำมาขาย ใช้โดยการให้เต่าโดยตรง หรือใช้ผสมกับผักอื่นๆได้ครับ
อาหาร เม็ดก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับเสริมแร่ธาตุ วิตามิน โปรตีนต่างๆในขณะที่เราไม่สามารถหามาให้มันได้ครบถ้วน แต่เราก็ไม่ควรใช้มากเกินไปนะครับ เพราะมันทำให้เราจน เอ๊ย ทำให้เต่าติดอาหารเม็ด หรือมีอาการกระดองปูดเนื่องจากโตเร็วจากโปรตีนที่มีมากได้ครับ การใช้อาหารเม็ดนั้นควรให้ประมาณ 1-2 อาทิตย์ต่อ 1 มื้อเพื่อเสริมแคลเซียมและวิตามินอย่างที่บอกไปนั่นแหละครับ และการให้อาหารเม็ดก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายๆคนคิดเลยนะครับ โดยเฉพาะกับเต่าที่มีอัตราการโตที่รวดเร็วแบบเต่าซูคาต้า การที่มันจะได้รับปริมาณสารอาหารต่างๆให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการนั้นทำ ได้ไม่ง่ายเลยครับ เราจึงมักเห็นคนที่เลี้ยงเต่าซูคาต้าไปแล้วบอกว่าเต่าไม่โตเลยมากมาย หลายๆคนแวะมาถามผมว่าทำไมเต่าที่ร้านโตเร็วจัง อายุเท่านั้นเท่านี้จริงหรือ เต่าเค้าซื้อไป 1 ปีโตมาแค่ 3 นิ้วเท่านั้น จากที่ผมเลี้ยงเต่าซูคาต้ามาเองในระยะเวลา 3 ปีมันโตจากขนาดตัว 2 นิ้วไปเป็น 14.5 นิ้วได้ โดยที่ผมไม่ได้อัดโปรตีน หรืออาหารเม็ดแต่อย่างใด เพียงแต่เน้นให้อาทิตย์ละไม่กี่เม็ด เพื่อกระตุ้นให้มันกินอาหารเก่งขึ้น อาหารเม็ดนั้นจะมีส่วนผสมของกลิ่น ที่ดึงดูดใจเต่าซูคาต้าให้หันมาเจริญอาหารได้อย่างดีเลยล่ะครับ โดยเฉพาะในเต่าป่วยที่ปฏิเสธการกินอาหารทั่วไป ลองใช้อาหารเม็ดยี่ห้อดีๆซักครั้ง แล้วจะติดใจครับ ^^

อาหารเม็ดยี่ห้อ Rep-Cal ที่ทางร้านนำมาขาย มีทั้งวิตามิน แคลเซียมครบสมบูรณ์ มีกลิ่นและสีสันที่เต่าซูคาต้าชอบมากๆครับ

เต่าซูคาต้ากำลังมีความสุขกับการกินอาหารเม็ดยี่ห้อ Rep-Cal ที่ทั้งหอม และอร่อย
Tip>> สามารถเข้าชม ตาราง แสดงคุณค่าอาหารของพืชผักส่วนที่กินได้ใน 100 กรัม
4 สิ่งที่ผู้เลี้ยงจะต้องคิดคำนึงถึงก่อนที่จะให้ผักทุกชนิดแก่เต่านั้นคือ ปริมาณของ แคลเซียม ,ฟอสฟอรัส ,กากใยและโปรตีนครับ ตามที่เรารู้ๆมาคือ " high calcium, low phosphorus , high fiber, low protein" นั่นก็คือต้องแคลเซียมสูง ฟอสฟอรัสต่ำ กากใยสูง และโปรตีนต่ำ

ผักต่างๆที่ผสมกับหญ้าบดที่ทางร้านนำมาขาย ช่วยเสริมไฟเบอร์ที่ดีเยี่ยมสำหรับเต่าซูคาต้าครับ
โดย
ปกติแล้วในร่างกายของเต่าหรือสัตว์ชนิดต่างๆจะมีปริมาณสัดส่วนของ
แคลแซียมต่อฟอสฟอรัสในเลือดเป็นอัตราส่วนคงที่เสมอ
ซึ่งเมื่อเราให้พืชผักที่มีอัตราส่วนของปริมาณแคลเซียมน้อย
แต่ฟอสฟอรัสเยอะแก่เต่า
จะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายของเต่าต้องรักษาสมดุลของร่างกาย
โดยมันก็ต้องเพิ่มปริมาณแคลเซียมให้เท่ากับฟอสฟอรัสที่ได้มา
มันจึงต้องไปดึงแคลเซียมที่สะสมไว้ที่กระดูก กล้ามเนื้อ ฯลฯ
มาเพิ่มปริมาณแคลเซียมในกระแสเลือด
เพราะฉะนั้นสัตว์เลื้อยที่ขาดแคลเซียมแรกจะมีการสั่นของมือ
และเท้าเนื่องมาจากปริมาณแคลเซียมที่ใช้ในการเคลื่อนไหวของมัดกล้าเนื้อลาย
มันผิดปกติไป
แต่เราจะไม่เห็นกรณีนี้ได้ชัดในเต่าบกเนื่องจากมันมีขาหน้าที่ใหญ่โต ....
ซึ่งในทางกลับกันครับ
การที่ร่างกายของเต่าบกขาดแคลเซียมจะแสดงผลให้เราเห็นได้ชัดก็แทบจะเมื่อสาย
ไปเสียแล้ว มันจะทำให้กระดูกผิดรูป กระดองบาง
ขากรรไกรค้างทำให้เต่าไม่สามารถงับ กัดอาหารได้ เกิดอาการกระดองนิ่ม
กระดองผิดรูปไปจนถึงทำให้กระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกายเต่าแย่ลงได้
ส่วน โปรตีนนั้นถ้าเราให้โปรตีนมากเกินไป หรือใช้โปรตีนที่ผิดชนิดให้แก่เต่า อย่างเช่นอาหารเม็ดของสุนัข แมว โปรตีนจากเนื้อสัตว์ อาจจะทำให้เต่าเราเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็จะมีปัญหาตามมานั่นก็คือโรค ไต(Kidney disease) กระดองผิดรูป (Shell Deformites) ซึ่งจะทำให้เต่าของเรามีอายุไขที่สั้นลงได้ โดยการศึกษาอุจจาระของเต่าซูคาต้าที่พบในธรรมชาตินั้นจะพบว่าเต่าแทบจะไม่ กินอาหารที่เป้นโปรตีนจากสิ่งมีชีวิตเลย จะมีก็เพียงแต่เศษของขนนก ปีก หรือคราบที่หลงเหลือจากการลอกคราบของสัตว์พวกกิ้งก่า แต่ก็จะพบเห็นได้ในปริมาณที่น้อยมากๆครับ
ส่วน โปรตีนนั้นถ้าเราให้โปรตีนมากเกินไป หรือใช้โปรตีนที่ผิดชนิดให้แก่เต่า อย่างเช่นอาหารเม็ดของสุนัข แมว โปรตีนจากเนื้อสัตว์ อาจจะทำให้เต่าเราเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็จะมีปัญหาตามมานั่นก็คือโรค ไต(Kidney disease) กระดองผิดรูป (Shell Deformites) ซึ่งจะทำให้เต่าของเรามีอายุไขที่สั้นลงได้ โดยการศึกษาอุจจาระของเต่าซูคาต้าที่พบในธรรมชาตินั้นจะพบว่าเต่าแทบจะไม่ กินอาหารที่เป้นโปรตีนจากสิ่งมีชีวิตเลย จะมีก็เพียงแต่เศษของขนนก ปีก หรือคราบที่หลงเหลือจากการลอกคราบของสัตว์พวกกิ้งก่า แต่ก็จะพบเห็นได้ในปริมาณที่น้อยมากๆครับ

รูปเต่าที่เกิดจากการกินอาหารที่ไม่ได้สัดส่วนทำให้เกิดอาการของโรคกระดองผิดรูป
ผัก จำพวกกะหล่ำปลีเขียว และบร๊อคเคอรี่นั้นก็ไม่ควรให้เต่ากินเป็นประจำเพราะมันทำให้เต่าขาดฮอร์โมน Thyroid ซึ่งทำให้เต่าเกิดอาการของโรคคอหอยพอกได้ครับ ผลไม้ชนิดต่างๆที่มีรสหวานก็เป็นอาหารที่เต่าซูคาต้าชอบมากๆ เช่นมะละกอ แตงโม มะม่วงสุก สับปะรด สตรอเบอรี่ กล้วย ฯลฯ นี่ก็เป็นอาหารที่ไม่สมควรจะให้เต่ากินบ่อยๆ หลีกเลี่ยงได้พึงหลีกเลี่ยงไปเลยเป็นดีที่สุด อาจจะให้ในกรณีที่เต่าขาดน้ำ (Dehydrated) เนื่องจากผลไม้ที่มีรสหวานจะมีปริมาณของน้ำและน้ำตาลมาก ไตของเต่านั้นยังพัฒนาไม่เท่าไตของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม การกำจัดน้ำและน้ำตาลออกจึงเป็นเรื่องยากครับ และที่สำคัญกว่านั้นถ้าเต่ากินน้ำตาลเข้าไปจะเกิดการหมักของน้ำตาลในกระเพาะ และลำไส้ จะเกิดแก๊สขึ้น

กระบองเพชรเสมา อาหารอีกชนิดที่มีทั้งแคลเซียมและน้ำ ช่วยให้เต่าที่ป่วยขาดน้ำ และเต่าที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่ายกินดีมากๆ
เต่า ซูคาต้านั้นตอบสนองต่อกลิ่นและสีสันของดอกไม้ ผลไม้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีสันที่ฉูดฉาด สดใส เพราะฉะนั้นการปลูต้นชบาไว้ที่บ้าน แล้วเด็ดดอก และใบมันให้กินก็เป็นการกระตุ้นอาหารชั้นดีกับเต่าซูคาต้าด้วยครับ
การ เสริมวิตามินและแคลเซียมให้ผัก โดยการโรยผงวิตามินแคลแคลเซียมลงในผักให้เต่าได้กินทุกๆอาทิตย์ อาทิตย์ละประมาณ 1 ครั้งก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เลี้ยงเต่าบกควรกระทำเพื่อป้องกันอาการของโรค ขาดแคลเซียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราให้ผักที่มีประิมาณฟอสฟอรัสสูงกว่าแคลเซียมมากๆ อย่าคะน้า เป็นต้น

Reptivit แคลเซียมผสมวิตามินรวมของย่ห้อ Zoo Med เป็นแคลเซียมแบบผงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

Vitamin รวม และ Calcium แบบผงของยี่ห้อ RepCal ก็เป็นผงแคลเซียมอีกชนิดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
เนื่อง จากเต่าซูคาต้าเป็นเต่าที่กินพืชและผักในแต่ละวันเป็นปริมาณที่มาก เพราะฉะนั้นในแต่ละวัน ของเสียที่เกิดขึ้นก็จึงมีปริมาณที่มากตามไปด้วย การจะเลี้ยงมันไว้เราก็ควรทำใจยอมรับในเรื่องนี้ให้ได้เช่นกัน เราต้องกำจัดสิ่งปฏิกูลที่เต่าขับถ่ายออกมาให้หมดสิ้นจากสถานที่เลี้ยงเพราะ อาจจะทำให้ที่เลี้ยงเกิดการหมักหมมของเชื้อโรค กลิ่น และยังมีโอกาศทำให้เต่าตัวอื่นมากินอุจจาระของเต่าตัวอื่น ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งการติดเชื้อโรค แบคทีเรีย โปรโตซัวได้(โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้เลี้ยงที่วางถาดน้ำไว้ในที่เลี้ยง เต่าและสัตว์เลื้อยคลานมักจะถ่ายอุจจาระในน้ำประจำ ถ้าเราไม่รีบเปลี่ยนน้ำนี้ จะทำให้เต่าตัวอื่นที่มากินน้ำ มีโอกาศติดเชื้อโรคของเต่าตัวที่เป็นโรคได้) เพื่อตัดวงจรของเชื้อโรคพวกนี้การทำความสะอาดที่เลี้ยงทุกๆวันจึงเป็นอีก กิจกรรมหนึ่งที่คนรักเต่าต้องกระทำให้เป็นนิสัยครับ

รูปร่างของอุจจาระเต่าขนาดใหญ่ โตเต็มที่ที่มีสุขภาพที่ดี และได้รับอาหารที่มีไฟเบอร์สูง
Sexing
เรา จะไม่สามารถแยกเพศของเต่าซูคาต้าที่มีขนาดเล็กได้เลยจากรูปร่างลักษณะภายนอก แต่ในเต่าที่มีขนาด 12-14 นิ้วขึ้นไปเริ่มสามารถแยกเพศได้โดยไม่ยากนัก วิธีการง่ายๆคือยกเต่าดูที่ใต้ท้องเต่าตัวผู้แผ่นปิดท้อง (Plastron) จะมีลักษณะเว้าลึกเข้าไปในช่องท้อง เพื่อประโยชน์ในการขึ้นขี่ผสมพันธุ์กับเต่าเพศเมีย ส่วนนี้ของเต่าเพศเมียจะแบนราบปกติครับ ความแตกต่างอีกอย่างหนึ่งของเต่าเพศผู้และเพศเมียคือ เต่าตัวผู้จะมีหางที่ยาวกว่าเต่าเพศเมียครับ แน่นอนว่าวิธีนี้ก็ต้องดูในเต่าที่มีขนาดใหญ่แล้วเช่นกัน

ด้านซ้ายเต่าเพศผู้จะเห็นกระดองท้องเว้าลึกลงไปอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเต่าเพศเมียนั้นแบนราบปกติ
Breeding
แน่ นอนครับ ที่เป็นหัวข้อที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงสัตว์ชนิดใดก็ตาม การเลี้ยงสัตว์ที่มีขนาดเล็กไปจนโต และสามารถสืบพันธุ์ได้ บ่งบอกว่าเรานั้นเอาใจใส่ดูแลมันได้เป็นอย่างดี ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพใจครับ เต่าซูคาต้านั้นจะเริ่มถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่อมันมีอายุได้ 4 ปี และมีขนาดประมาณ 14 นิ้วขึ้นไป เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ประมาณปลายฝน ต้นหนาว พ่อพันธุ์เต่าซูคาต้าจะเริ่มส่งเสียงคำรามต่ำๆออกมา ช่วงนี้เต่าเพศเมียมักจะนอนนิ่งๆที่ใดที่หนึ่งตลอดเวลา ส่วนเต่าตัวผู้นั้น ล้วนคึกคักยิ่ง เนื่องมาจากกลิ่นฟีโรโมน (Pheromone) ที่เต่าเพศเมียปล่อยออกมา หลังจากนั้นเต่าตัวผู้จะเริ่มเข้าหาเต่าตัวเมียจากด้านหลังเพื่อทำการผสม พันธุ์ตามธรรมชาติของมัน ช่วงนี้เต่าตัวผู้ร้องเสียงน่าประทับใจมากกกกกกกกก ใครมีเต่าขนาดใหญ่วันผสมพันธุ์ลองนั่งฟังดูครับ ยิ่งกว่าฟังเสียงหนังโป๊อีกครับ 5555

ท่าทางการผสมพันธุ์ของเต่าซูคาต้า
เมื่อ เต่าตัวผู้ถ่ายทอดสารพันธุกรรมของมันสูเต่าเพศเมียเสร็จสิ้น ภายในรังไข่ของเต่าเพศเมียที่ถูกปฏิสนธิจะเริ่มเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนถึงช่วงเวลาใกล้การวางไข่ ที่กินเวลาราวๆ 2 เดือน ช่วงนี้เต่าเพศเมียจะเริ่มกินอาหารน้อยลง กระสับกระส่าย เริ่มเดินไปทั่วและมองหาพื้นที่ทำรัง โดยมันมักจะเลือกสถานที่ทำรังไว้ 4-5 แห่งไว้ก่อน เมื่อมันพร้อมจะให้ไข่ชุดแรกของฤดูกาลออกมาแม่เต่าจะเลือกรังใดรังหนึ่งก่อน แล้วเริ่มขุดหลุมเพื่อสร้างรังแล้วเริ่มวางไข่ฝนช่วงเวลากลางคืน หรือเช้าตรู่ แต่ละรังจะมีไข่ 15-30 ฟองโดยในแต่ละครั้งเมื่อแม่เต่าไข่เสร็จจะปัสสาวะรอบๆหลุมไข่ เพื่อให้ความชื้นแก่ไข่ถ้าหากว่าภายในรังไข่นั้นมีความชื้นน้อยเกินไป หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 เดือนมันก็จะเริ่มไข่ชุดถัดไปที่รังอื่นๆ และมันจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าไข่ในรังไข่มันจะหมดไป

แม่เต่าเริ่มวางไข่ในหลุมที่มันขุดและคัดสรรค์ด้วยตัวเอง
เมื่อ แม่เต่าไข่ในแต่ละรังเสร็จสิ้นแล้ว ช่วงนี้แม่เต่าจะต้องการน้ำมากเพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไป ช่วงนี้เคล็ดลับอีกอย่างคือการให้น้ำผสมวิตามิน แคลเซียมร่วมด้วย จะเป็นการช่วยบำรุง เสริมน้ำและแร่ธาตุในร่างการที่สูญเสียไปให้กลับคืนได้เป็นอย่างดี
ใน ไข่เต่าซูคาต้าตามธรรมชาตินั้นจะฟักเป็นตัวในเวลาประมาณ 8 เดือน แต่เต่าในที่เลี้ยงจะใช้เวลา 5-6 เดือน หรือบางครั้งเมื่อฟักถึง 92 วันไข่เต่าก็เริ่มเป็นตัวแล้ว เมื่อลูกเต่าเริ่มเจาะเปลือกไข่ครั้งแรก มันจะออกมาจากไข่เองในเวลา 24-72 ชั่วโมง เมื่อออกมาจากไข่ลูกเต่ามักจะมีไข่แดงขนาดใหญ่ติดอยู่ที่ใต้ท้อง โดยลูกเต่าจะใช้มันเป็นสารอาหาร ให้พลังงานแก่ร่างกาย 3-7 วันโดยประมาณ หลังจากนั้นไข่แดงที่ว่านี้จะเริ่มยุบลง หน้าท้องที่เคยมีไข่แดงติดก็จะเริ่มปิดตัวลงจนหมด และเครื่องจักรนักกินผักรุ่นใหม่ ก็จะเริ่มทำงานที่มันถนัดต่อไป

ลูกเต่าแรกเกิด กำลังใช้ความพยายามในการออกมารู้จักกับโลกภายนอก
>>>>> ยังไม่จบนะครับ ไว้จะมาเขียนต่อให้จบ ยังไงก็อ่านเท่านี้กันก่อนนะครับ
มีอะไรผิดพลาดผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยเน้ออออออ ......
ขอบคุณเครดิตจาก : https://www.facebook.com/pages/The-Ex-StuDio/148940701806761
เฮ้ยครับ ใครอนุญาตให้เอามาเผยแพร่อ่ะ ?
ตอบลบทำไมเผยแพร่ไม่ได้ละ ??
ลบ