วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เรื่องเล่าจากเต่าซูคาต้า


The Sulcata Tortoise or The African spurred tortoise (Geochelone sulcata)

พูด ถึงเต่าใครๆก็คงนึกว่ามันต้องอยู่ในน้ำ และกินผักบุ้งเป็นอาหาร ลำตัวสีดำ สามารถพบเห็นได้เฉพาะหน้าวัดตามกาละมังสีดำๆ .... ครับในโลกของเราชาว Exotic Pet มันมีอะไรมากกว่านั้นอีกเยอะครับ ชาวเรารู้จักเต่ามากมายไม่ว่าจะเป็นเต่าเดือยของไทย (Manouria impressa (Gunther, 1882)) ที่พบเจอเฉพาะบนเทือกเขาสูงๆ หรือเต่ากัลปากอส (Chelonoidis nigra) 1 ในเต่ายักษ์ใหญ่ที่สุดในโลกที่ค่าตัวแพงแสนแพงและแทบจะไม่เคยได้เห็นกันเลยตามตลาดสัตว์เลี้ยงทั่วไป 
การ เลี้ยงเต่าบกเป็นทั้งงานอดิเรกที่ช่วยให้เรามีความสุขกับการดูแลพัฒนาการของ สัตว์เลี้ยงตัวน้อย และยังทำให้ครอบครัวมีกิจกรรมร่วมกันที่ดีอีกด้วยครับ
สำหรับ ผู้อ่านทั่วไป ที่บังเอิญญญญ...มาเจอเพจนี้เข้าและเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการจะรู้จักเต่า ให้มากไปกว่า "เต่าต้องอยู่ในน้ำ และกินผักบุ้งเป็นอาหาร" แล้วผมอยากจะขอแนะนำให้รู้จักเต่าบกที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายและมันเป็นเต่าบก (Tortoise) ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก เป็นรองแพงแค่เต่ากัลปากอส The Galápagos tortoise (Chelonoidis nigra) และเจ้าของอันดับสองอย่าง The Aldabra Tortoise (Aldabrachelys gigantea) และมันผู้นั้นก็คืออออออออ ก็คือออออออออ เ จ้ า เ ต่ า ซู ค า ต้ า  ผู้ นี้ นี่ เอง ง ง ง ง ง ง ง  ง ง ง 
รูปเต่าซูคาต้าขนาดโตเต็มที่ กับลูกเต่าที่เพิ่งเกิดใหม่ครับ อ้างอิงจาก http://imgur.com/gallery/j9Tq0

เต่า ซูคาต้าเป็นเต่าบกขนาดใหญ่ที่พบเจอได้ในตอนเหนือของทวีปอาฟริกา ไปจนถึงตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาร่า (Sahara Desert) แถบประเทศเซเนกัล ,มอริทาเนีย ,มาลี ,ไนเจอ ,ชาด ,ซูดาน ,เอธิโอเปีย ไปจนถึงเขตของทะเลแดง (Red Sea) ที่เป็นภูมิประเทศเขตร้อนและแห้งแล้ง
รูปขอบเขตที่พบเจอเต่าซูคาต้าในธรรมชาติครับ อ้างอิง http://www.sulcata-station.org/basics.html



ปัจจุบัน นี้เราสามารถพบเจอเต่าซูคาต้าได้มากมายตามแหล่งสัตว์เลี้ยงใหญ่ๆนั่นก็คือ สวนจตุจักรนั่นแหละครับ โดยลูกเต่าซูคาต้าในปัจจุบันแทบทั้งหมดเป็นเต่าที่เกิดในไทย โตในไทยทั้งนั้น ในช่วงปัจจุบันคนไทยสามารถเพาะเลี้ยงทำฟาร์มเต่าซูคาต้าและส่งออกได้เป็น จำนวนมาก ผมว่าถึงจะไม่ใช่อันดับ 1 ของโลก แต่ก็คงอยู่ลำดับต้นๆแน่ เพราะลูกเต่าซูคาต้าในแต่ละปีที่พบเห็นเข้ามาขายในตลาดมีไม่ต่ำกว่า 10,000 ตัวแน่ๆทั้งส่งออก ทั้งขายในประเทศครับ ส่วนเต่าซูคาต้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกานั้น 2 ปีที่ผ่านมาสู้ต้นทุนการเพาะเลี้ยงในไทยไม่ได้เลยครับ จะมีการนำเข้ามาก็เพียงแต่เฉพาะเต่าซูตาต้าแบบเผือกตาแดง (Albino) หรือเผือกตาฟ้า (Ivory) เท่านั้นครับ


Albino Sulcata ค่าตัวหลักแสน ชุดนี้ทางร้านเรานำเข้ามาขายในไทยครับ




Ivory Sulcata ที่นำเข้ามาและขายไปเมื่อปีที่แล้ว

เต่า ซูคาต้านั้นนับเป็นเต่าบนผืนแผ่นดิน(Main-Land)ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพราะเจ้าของอันดับ 1 และ 2 อย่างเต่ากัลปากอสและอัลดราบ้านั้นอาศัยอยู่บนเกาะอันโดดเดี่ยว ห่างไกลจากผู้ล่าทั่วไป เต่าซูคาต้าเมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดความยาว (Carapace Length) ประมาณ 65-70 เซนติเมตร และมีน้ำหนัก 50-70 กิโลกรัม และจากสถิติที่มีการบันทึกไว้จากสวนสัตว์ Giza ในประเทศอียิปต์ เต่าซูคาต้าเพศผู้มีน้ำหนัก 105 กิโลกรัม ความยาวกระดอง 104 เซนติเมตร และเต่าซูคาต้าในที่เลี้ยงที่มีอายุยืนที่สุดก็มาจากสวนสัตว์กีซ่าแห่งนี้ นี่เอง โดยมีอายุยืนถึง 54 ปีเลยทีเดียวครับ เพราะฉะนั้นใครอยากจะเลี้ยงเจ้าเต่าตัวน้อยๆที่เห็นตามร้านก็จงได้คิด ไตร่ตรองถึงอนาคตที่จะต้องพบเจอกับมันไปหลายสิบปีด้วยนะครับ 

เต่าซูคาต้านั้นเป็นเต่าที่มีกระดอง (Carapace) กว้าง แบน ไม่สูงเป็นโดมเหมือนอย่างเต่าเรเดียต้า (Astrochelys radiata) และเต่ายูนิฟลอร่า (Astrochelys yniphora) ญาติตัวน้อยคู่หู คู่ฮาที่ใครคิดจะเลี้ยงก็ระวังตัวกันดีๆนะครับเดี๋ยวจะเสียทั้งค่าตัวมหาโหด ไม่พอยังต้องจ่ายค่าประกันตัวกับตำรวจอีกหลายบาท ..... กลับมาพูดถึงเต่าซูคาต้าต่อดีกว่า กระดองของเต่าซูคาต้าเมื่อมีขนาดเล็กจะมีสำน้ำตาลเข้มตัดกันกับช่วงกลางของ เกล็ด (Scute) ที่มีสีเหลืองอ่อน แต่เมื่อเต่าโตขึ้นจะเริ่มเปลี่ยนสีไปเป็นสีน้ำตาลอ่อนไปจนสีคล้ายไม้สัก เมื่อเต่าโตเต็มที่ ซึ่งทำให้เต่าซูคาต้าเมื่อโตเต็มที่มีความสวยงามมากๆ ยิ่งเมื่อรวมกับข้อดีของมันคือกินเก่ง โตเร็ว ไม่อยู่นิ่งๆเฉยๆ มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เลี้ยงตลอดเวลาทั้งเดินมาหา ทั้งขออาหารกิน จึงทำให้มันเป็นเต่าชนิดแรกๆที่ถูกพูดถึงเมื่อเราต้องการจะเลี้ยงเต่าบกซัก ตัวในชีวิตครับ 

ขาหน้าของเต่าซูคาต้านั้นหนาเป็น เกล็ดแข็งตั้งขึ้นและอข็งแรงมากๆ มันมีประโยชน์โดยที่มันจะใช้ขาหน้านี้ขุดหลุมเพื่อลงไปนอนหลบแดดที่ร้อนจัด ในเวลากลางวันของทะเลทราย หรือใช้เพื่อขุดหาน้ำและความชื้นที่อย่ใต้ดิน ผิวหนังของเต่าซูคาต้าก็มีความหนาเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำในเขตภูมิประเทศ ที่เป็นทะเลทรายและหาน้ำกินได้ยาก เพราะฉะนั้นถ้าใครเลี้ยงเต่าซูคาต้าก็ต้องระวังการเลี้ยงโดยใช้เพียงแค่รั้ว กั้น เพราะมันสามารถขุดดินหนีออกไปได้โดยง่ายครับ

รูปลูกเต่าซูคาต้าอายุประมาณ 1-2 เดือนที่แข็งแรงและสามารถนำออกมาจำหน่ายได้ครับ

ปกติ ในธรรมชาตินั้นเต่าซูคาต้าจะถ่ายปัสสาวะประมาณ 0.64 ml ต่อวัน แต่ในที่เลี้ยงที่มีความชื้นหรือได้รับน้ำมากขึ้นเป็น 1-2 ml ต่อวันซึ่งมีผลเสียต่อไตของสัตว์เลื้อยคลานที่ยังไม่เจริญดีเท่ากับสัตว์ เลี้ยงลูกด้วยนม เมื่อมันขับถ่ายการสูญเสียน้ำที่มากเกินไปอาจจะก่อให้เกิดปัญหากับไต รวมทั้งการติดเชื้อที่ผิวหนังและกระดองได้ เพราะฉะนั้นการเลี้ยงเต่าซูคาต้าในที่ที่มีความชื้นมาก หรือในสถานที่เปิดอย่างสนามหญ้าที่รดน้ำชุ่มเป็นปกติ จึงไม่ใช่วิธีการเลี้ยงเต่าซูคาต้าที่ดีอย่างแน่นอน 

โดย การเลี้ยงเต่าซูคาต้าแบบ indoor (ภายในที่ปิดไม่ได้ปล่อยกลางแจ้ง) ดูจะเหมาะสมกับเต่าซูคาต้าในขนาดเล็กมากกว่าการเลี้ยงกลางแจ้ง เพราะการเลี้ยงแบบ indoor เราสามารถควบคุมปัจจัยต่างๆทั้งอาหาร ความชื้นความร้อนได้ง่ายกว่า และในเต่าขนาดเล็กเมื่อเลี้ยงแบบ outdoor นั้นอาจจะทำให้เต่าสามารถติดเชื้อโรค ปรสิต โปรโตซัวตัวที่ก่อให้เกิดโรคที่มีอยู่มากมายในดิน การเลี้ยงเต่าจนกว่าจะมีอายุ 1-2 ปีหรือมีขนาด 12 นิ้วขึ้นไปในสถานที่เลี้ยง indoor จึงเป็นวิธีป้องกันและลดอัตราการตายในเต่าขนาดเล็กได้ดีที่สุด 

ภาชนะ ที่ใช้เลี้ยงเต่าซูคาต้าแบบ indoor นั้นควรเลือกชนิดที่เป็นพลาสติก ยาง ไม่ควรใช้ปูน ซีเมนต์ก่อ หรืออิฐเนื่องจากเต่าซูคาต้าเป็นเต่าที่ชอบเดินไปมาและเอากระดองดัน ขูดตามขอบผนังที่เลี้ยง อาจจะทำให้กระดองเกิดรอบหรือบาดแผลถลอก ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังได้ครับ หมา แมวและสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นก็เป็นสิ่งพึงระวังมันจะเข้ามาทำอันตรายกับลูก เต่าซูคาต้าที่มีขนาดเล็ก และยังป้องกันตัวเองได้ไม่มากนัก .... หนู ก็เป็นสัตว์ตัวอันตรายที่เราต้องระวังมากๆในเวลากลางคืน ผมเคยได้ยินผู้เลี้ยงหลายๆท่านบอกเล่าว่าลืมผิดที่เลี้ยง ตื่นเช้ามาเห็นเต่าซูคาต้าเหลือแต่กระดอง หรือโดนแทะกัดกินไปครึ่งตัวมานักต่อนักแล้วครับ
การเลี้ยงเต่าซู คาต้าแบบ outdoor นั้นต้องคำนึงถึงสภาพปกติที่เต่านั้นเป็นอยู่ก่อน เนื่องจากมันเป็นสัตว์ที่มาจากเขตร้อน แห้งแล้งเพราะฉะนั้นเราจึงควรจัดที่เลี้ยงให้แห้งอยู่เสมอ จัดคอกให้มีทั้งส่วนที่โดนแดด และส่วนที่เป็นที่ร่มให้เต่าหลบแดดยามที่แสงแดดร้อนมากเกินไปก็เป็นสิ่งที่ จำเป็นครับ

ความกว้างใหญ่ของคอกที่เลี้ยงก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ถึงสุขภาพการเจริญเติบโตของเต่าซูคาต้าได้ เนื่องจากขนาดความใหญ่โตของมันและความที่มัน active มากๆในแต่ละวันมันมักจะเดินสำรวจสิ่งต่างๆรอบตัวอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นการเลือกขนาดของคอกเต่าจึงควรจะจัดให้ใหญ่มากที่สุดเท่าที่จะทำ ได้ และไม่ควรจะเล็กเกินกว่า 5 เท่าของขนาดเต่า ความแข็งแรงของรั้วก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพึงระวัง เพราะขนาดและน้ำหนักของมันสามารถชน พังรั้วที่ไม่แข็งแรงมากได้อย่างง่ายดาย พื้นที่ที่ลาดเอียง หรือวัสดุตกแต่งที่เลี้ยงที่มีความลาดเอียงมากๆก็เป็นสิ่งที่เราต้องหลีก เลี่ยงเพราะมันอาจจะทำให้เต่าปีนขึ้นไปแล้วพลิกหงายหลัง ในบางทีอาจจะทำให้เต่าไม่สามารถพลิกตัวกลับมาปกติได้จะทำให้มันถูกแดดเผาตาย ได้ หรือมันอาจจะหายใจไม่ออกเนื่องจากปอดเต่าอยู่ด้านบนของกระดอง เมื่อมันหงายหลังแล้วถูกน้ำหนักของอวัยวะภายในกดทับปอด ทำให้ปอดไม่สามารถพองตัวและแลกเปลี่ยนก๊าซเป็นปกติได้ 

Tip>>
-การจับเต่าเล่นโดยพลิกตัวด้านท้องขึ้นเป็นเวลานานจึงเป็นสิ่งที่ทรมานเต่ามากๆนะครับ
-เต่า ซูคาต้าเป็นสัตว์ที่กินอาหารเก่งมาก มักจะกินโดยไม่เลือก จึงทำให้มันมีโอกาศกินเอาเศษถุงพลาสติก โฟม เหรียญ กระดาษ ตะปู อลูมิเนียมชิ้นเล็กๆเข้าไปและก่อให้เกิดอันตรายได้นะครับ
สถานที่เลี้ยงแบบ indoor ที่จัดสรรได้อย่างสวยงามและลงตัวครับ อ้างอิง http://www.tortoiseforum.org/thread-18448.html



Food and Feeding
นี่ นับเป็นหัวใจหลักของการเลี้ยงเต่าซูคาต้าเลยนะครับ คนที่เคยมีประสบการณ์ในการเลี้ยงเจ้าเต่าซูคาต้ามาแล้วจะพบว่ามันคือเครื่อง จักรนักกินผักอย่างแท้จริง เพราะวันทั้งวันมันจะมีแต่กิน ๆ ๆ ๆ และนอนเท่านั้น โดยในเต่าซูคาต้านั้นมีตำรากล่าวไว้ว่าควรเลี้ยงแบบวัวและควาย คือให้เฉพาะหญ้ากับมันก็พอ ซึ่งจะทำให้มันได้รับไฟเบอร์จากหญ้ามากมายเพียงพอ ไม่ทำให้มันเกิดอาหารของโรคชนิดต่างๆเกี่ยวกับทางเดินอาหาร แต่ในความเป็นจริงของเราๆ การจะบังคับสมาชิกใหม่ให้กินเฉพาะหญ่ามันก็ดูลำบากลำบน ขัดใจของเราบ้าง ยิ่งในเต่าขนาดเล็ก หลายๆตัวปฏิเสธและไม่ยอมรับอาหารที่แข็งและเหนียวอย่างหญ้าได้โดยง่าย เพราะฉะนั้นการเอาผักต่างๆอย่างผักบุ้งมาผสมกับหญ้าป่นสำเร็จรูปที่มีขายตาม ร้านก็เป็นความคิดที่ดีนะครับ 
หญ้าสำเร็จรูปที่ทางร้านนำมาขาย ใช้โดยการให้เต่าโดยตรง หรือใช้ผสมกับผักอื่นๆได้ครับ


อาหาร เม็ดก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับเสริมแร่ธาตุ วิตามิน โปรตีนต่างๆในขณะที่เราไม่สามารถหามาให้มันได้ครบถ้วน แต่เราก็ไม่ควรใช้มากเกินไปนะครับ เพราะมันทำให้เราจน เอ๊ย ทำให้เต่าติดอาหารเม็ด หรือมีอาการกระดองปูดเนื่องจากโตเร็วจากโปรตีนที่มีมากได้ครับ การใช้อาหารเม็ดนั้นควรให้ประมาณ 1-2 อาทิตย์ต่อ 1 มื้อเพื่อเสริมแคลเซียมและวิตามินอย่างที่บอกไปนั่นแหละครับ และการให้อาหารเม็ดก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายๆคนคิดเลยนะครับ โดยเฉพาะกับเต่าที่มีอัตราการโตที่รวดเร็วแบบเต่าซูคาต้า การที่มันจะได้รับปริมาณสารอาหารต่างๆให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการนั้นทำ ได้ไม่ง่ายเลยครับ เราจึงมักเห็นคนที่เลี้ยงเต่าซูคาต้าไปแล้วบอกว่าเต่าไม่โตเลยมากมาย หลายๆคนแวะมาถามผมว่าทำไมเต่าที่ร้านโตเร็วจัง อายุเท่านั้นเท่านี้จริงหรือ เต่าเค้าซื้อไป 1 ปีโตมาแค่ 3 นิ้วเท่านั้น จากที่ผมเลี้ยงเต่าซูคาต้ามาเองในระยะเวลา 3 ปีมันโตจากขนาดตัว 2 นิ้วไปเป็น 14.5 นิ้วได้ โดยที่ผมไม่ได้อัดโปรตีน หรืออาหารเม็ดแต่อย่างใด เพียงแต่เน้นให้อาทิตย์ละไม่กี่เม็ด เพื่อกระตุ้นให้มันกินอาหารเก่งขึ้น อาหารเม็ดนั้นจะมีส่วนผสมของกลิ่น ที่ดึงดูดใจเต่าซูคาต้าให้หันมาเจริญอาหารได้อย่างดีเลยล่ะครับ โดยเฉพาะในเต่าป่วยที่ปฏิเสธการกินอาหารทั่วไป ลองใช้อาหารเม็ดยี่ห้อดีๆซักครั้ง แล้วจะติดใจครับ ^^

อาหารเม็ดยี่ห้อ Rep-Cal ที่ทางร้านนำมาขาย มีทั้งวิตามิน แคลเซียมครบสมบูรณ์ มีกลิ่นและสีสันที่เต่าซูคาต้าชอบมากๆครับ



เต่าซูคาต้ากำลังมีความสุขกับการกินอาหารเม็ดยี่ห้อ Rep-Cal ที่ทั้งหอม และอร่อย



Tip>> สามารถเข้าชม ตาราง แสดงคุณค่าอาหารของพืชผักส่วนที่กินได้ใน 100 กรัม 
ได้ที่ http://www.aqua-medical.com/article/article10.htm ครับ

4 สิ่งที่ผู้เลี้ยงจะต้องคิดคำนึงถึงก่อนที่จะให้ผักทุกชนิดแก่เต่านั้นคือ ปริมาณของ แคลเซียม ,ฟอสฟอรัส ,กากใยและโปรตีนครับ ตามที่เรารู้ๆมาคือ " high calcium, low phosphorus , high fiber, low protein"  นั่นก็คือต้องแคลเซียมสูง ฟอสฟอรัสต่ำ กากใยสูง และโปรตีนต่ำ
ผักต่างๆที่ผสมกับหญ้าบดที่ทางร้านนำมาขาย ช่วยเสริมไฟเบอร์ที่ดีเยี่ยมสำหรับเต่าซูคาต้าครับ


โดย ปกติแล้วในร่างกายของเต่าหรือสัตว์ชนิดต่างๆจะมีปริมาณสัดส่วนของ แคลแซียมต่อฟอสฟอรัสในเลือดเป็นอัตราส่วนคงที่เสมอ ซึ่งเมื่อเราให้พืชผักที่มีอัตราส่วนของปริมาณแคลเซียมน้อย แต่ฟอสฟอรัสเยอะแก่เต่า จะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายของเต่าต้องรักษาสมดุลของร่างกาย โดยมันก็ต้องเพิ่มปริมาณแคลเซียมให้เท่ากับฟอสฟอรัสที่ได้มา มันจึงต้องไปดึงแคลเซียมที่สะสมไว้ที่กระดูก กล้ามเนื้อ ฯลฯ มาเพิ่มปริมาณแคลเซียมในกระแสเลือด เพราะฉะนั้นสัตว์เลื้อยที่ขาดแคลเซียมแรกจะมีการสั่นของมือ และเท้าเนื่องมาจากปริมาณแคลเซียมที่ใช้ในการเคลื่อนไหวของมัดกล้าเนื้อลาย มันผิดปกติไป แต่เราจะไม่เห็นกรณีนี้ได้ชัดในเต่าบกเนื่องจากมันมีขาหน้าที่ใหญ่โต .... ซึ่งในทางกลับกันครับ การที่ร่างกายของเต่าบกขาดแคลเซียมจะแสดงผลให้เราเห็นได้ชัดก็แทบจะเมื่อสาย ไปเสียแล้ว มันจะทำให้กระดูกผิดรูป กระดองบาง ขากรรไกรค้างทำให้เต่าไม่สามารถงับ กัดอาหารได้ เกิดอาการกระดองนิ่ม กระดองผิดรูปไปจนถึงทำให้กระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกายเต่าแย่ลงได้

ส่วน โปรตีนนั้นถ้าเราให้โปรตีนมากเกินไป หรือใช้โปรตีนที่ผิดชนิดให้แก่เต่า อย่างเช่นอาหารเม็ดของสุนัข แมว โปรตีนจากเนื้อสัตว์ อาจจะทำให้เต่าเราเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็จะมีปัญหาตามมานั่นก็คือโรค ไต(Kidney disease) กระดองผิดรูป (Shell Deformites) ซึ่งจะทำให้เต่าของเรามีอายุไขที่สั้นลงได้ โดยการศึกษาอุจจาระของเต่าซูคาต้าที่พบในธรรมชาตินั้นจะพบว่าเต่าแทบจะไม่ กินอาหารที่เป้นโปรตีนจากสิ่งมีชีวิตเลย จะมีก็เพียงแต่เศษของขนนก ปีก หรือคราบที่หลงเหลือจากการลอกคราบของสัตว์พวกกิ้งก่า แต่ก็จะพบเห็นได้ในปริมาณที่น้อยมากๆครับ
รูปเต่าที่เกิดจากการกินอาหารที่ไม่ได้สัดส่วนทำให้เกิดอาการของโรคกระดองผิดรูป




ผัก จำพวกกะหล่ำปลีเขียว และบร๊อคเคอรี่นั้นก็ไม่ควรให้เต่ากินเป็นประจำเพราะมันทำให้เต่าขาดฮอร์โมน Thyroid ซึ่งทำให้เต่าเกิดอาการของโรคคอหอยพอกได้ครับ ผลไม้ชนิดต่างๆที่มีรสหวานก็เป็นอาหารที่เต่าซูคาต้าชอบมากๆ เช่นมะละกอ แตงโม มะม่วงสุก สับปะรด สตรอเบอรี่ กล้วย ฯลฯ นี่ก็เป็นอาหารที่ไม่สมควรจะให้เต่ากินบ่อยๆ หลีกเลี่ยงได้พึงหลีกเลี่ยงไปเลยเป็นดีที่สุด อาจจะให้ในกรณีที่เต่าขาดน้ำ (Dehydrated) เนื่องจากผลไม้ที่มีรสหวานจะมีปริมาณของน้ำและน้ำตาลมาก ไตของเต่านั้นยังพัฒนาไม่เท่าไตของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม การกำจัดน้ำและน้ำตาลออกจึงเป็นเรื่องยากครับ และที่สำคัญกว่านั้นถ้าเต่ากินน้ำตาลเข้าไปจะเกิดการหมักของน้ำตาลในกระเพาะ และลำไส้ จะเกิดแก๊สขึ้น



กระบองเพชรเสมา อาหารอีกชนิดที่มีทั้งแคลเซียมและน้ำ ช่วยให้เต่าที่ป่วยขาดน้ำ และเต่าที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่ายกินดีมากๆ




เต่า ซูคาต้านั้นตอบสนองต่อกลิ่นและสีสันของดอกไม้ ผลไม้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีสันที่ฉูดฉาด สดใส เพราะฉะนั้นการปลูต้นชบาไว้ที่บ้าน แล้วเด็ดดอก และใบมันให้กินก็เป็นการกระตุ้นอาหารชั้นดีกับเต่าซูคาต้าด้วยครับ

การ เสริมวิตามินและแคลเซียมให้ผัก โดยการโรยผงวิตามินแคลแคลเซียมลงในผักให้เต่าได้กินทุกๆอาทิตย์ อาทิตย์ละประมาณ 1 ครั้งก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เลี้ยงเต่าบกควรกระทำเพื่อป้องกันอาการของโรค ขาดแคลเซียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราให้ผักที่มีประิมาณฟอสฟอรัสสูงกว่าแคลเซียมมากๆ อย่าคะน้า เป็นต้น


Reptivit แคลเซียมผสมวิตามินรวมของย่ห้อ Zoo Med เป็นแคลเซียมแบบผงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก



Vitamin รวม และ Calcium แบบผงของยี่ห้อ RepCal ก็เป็นผงแคลเซียมอีกชนิดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก



เนื่อง จากเต่าซูคาต้าเป็นเต่าที่กินพืชและผักในแต่ละวันเป็นปริมาณที่มาก เพราะฉะนั้นในแต่ละวัน ของเสียที่เกิดขึ้นก็จึงมีปริมาณที่มากตามไปด้วย การจะเลี้ยงมันไว้เราก็ควรทำใจยอมรับในเรื่องนี้ให้ได้เช่นกัน เราต้องกำจัดสิ่งปฏิกูลที่เต่าขับถ่ายออกมาให้หมดสิ้นจากสถานที่เลี้ยงเพราะ อาจจะทำให้ที่เลี้ยงเกิดการหมักหมมของเชื้อโรค กลิ่น และยังมีโอกาศทำให้เต่าตัวอื่นมากินอุจจาระของเต่าตัวอื่น ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งการติดเชื้อโรค แบคทีเรีย โปรโตซัวได้(โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้เลี้ยงที่วางถาดน้ำไว้ในที่เลี้ยง เต่าและสัตว์เลื้อยคลานมักจะถ่ายอุจจาระในน้ำประจำ ถ้าเราไม่รีบเปลี่ยนน้ำนี้ จะทำให้เต่าตัวอื่นที่มากินน้ำ มีโอกาศติดเชื้อโรคของเต่าตัวที่เป็นโรคได้) เพื่อตัดวงจรของเชื้อโรคพวกนี้การทำความสะอาดที่เลี้ยงทุกๆวันจึงเป็นอีก กิจกรรมหนึ่งที่คนรักเต่าต้องกระทำให้เป็นนิสัยครับ


รูปร่างของอุจจาระเต่าขนาดใหญ่ โตเต็มที่ที่มีสุขภาพที่ดี และได้รับอาหารที่มีไฟเบอร์สูง




Sexing

เรา จะไม่สามารถแยกเพศของเต่าซูคาต้าที่มีขนาดเล็กได้เลยจากรูปร่างลักษณะภายนอก แต่ในเต่าที่มีขนาด 12-14 นิ้วขึ้นไปเริ่มสามารถแยกเพศได้โดยไม่ยากนัก วิธีการง่ายๆคือยกเต่าดูที่ใต้ท้องเต่าตัวผู้แผ่นปิดท้อง (Plastron) จะมีลักษณะเว้าลึกเข้าไปในช่องท้อง เพื่อประโยชน์ในการขึ้นขี่ผสมพันธุ์กับเต่าเพศเมีย ส่วนนี้ของเต่าเพศเมียจะแบนราบปกติครับ ความแตกต่างอีกอย่างหนึ่งของเต่าเพศผู้และเพศเมียคือ เต่าตัวผู้จะมีหางที่ยาวกว่าเต่าเพศเมียครับ แน่นอนว่าวิธีนี้ก็ต้องดูในเต่าที่มีขนาดใหญ่แล้วเช่นกัน


ด้านซ้ายเต่าเพศผู้จะเห็นกระดองท้องเว้าลึกลงไปอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเต่าเพศเมียนั้นแบนราบปกติ




Breeding
แน่ นอนครับ ที่เป็นหัวข้อที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงสัตว์ชนิดใดก็ตาม การเลี้ยงสัตว์ที่มีขนาดเล็กไปจนโต และสามารถสืบพันธุ์ได้ บ่งบอกว่าเรานั้นเอาใจใส่ดูแลมันได้เป็นอย่างดี ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพใจครับ เต่าซูคาต้านั้นจะเริ่มถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่อมันมีอายุได้ 4 ปี และมีขนาดประมาณ 14 นิ้วขึ้นไป เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ประมาณปลายฝน ต้นหนาว พ่อพันธุ์เต่าซูคาต้าจะเริ่มส่งเสียงคำรามต่ำๆออกมา ช่วงนี้เต่าเพศเมียมักจะนอนนิ่งๆที่ใดที่หนึ่งตลอดเวลา ส่วนเต่าตัวผู้นั้น ล้วนคึกคักยิ่ง เนื่องมาจากกลิ่นฟีโรโมน (Pheromone) ที่เต่าเพศเมียปล่อยออกมา หลังจากนั้นเต่าตัวผู้จะเริ่มเข้าหาเต่าตัวเมียจากด้านหลังเพื่อทำการผสม พันธุ์ตามธรรมชาติของมัน ช่วงนี้เต่าตัวผู้ร้องเสียงน่าประทับใจมากกกกกกกกก ใครมีเต่าขนาดใหญ่วันผสมพันธุ์ลองนั่งฟังดูครับ ยิ่งกว่าฟังเสียงหนังโป๊อีกครับ 5555


ท่าทางการผสมพันธุ์ของเต่าซูคาต้า



เมื่อ เต่าตัวผู้ถ่ายทอดสารพันธุกรรมของมันสูเต่าเพศเมียเสร็จสิ้น ภายในรังไข่ของเต่าเพศเมียที่ถูกปฏิสนธิจะเริ่มเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนถึงช่วงเวลาใกล้การวางไข่ ที่กินเวลาราวๆ 2 เดือน ช่วงนี้เต่าเพศเมียจะเริ่มกินอาหารน้อยลง กระสับกระส่าย เริ่มเดินไปทั่วและมองหาพื้นที่ทำรัง โดยมันมักจะเลือกสถานที่ทำรังไว้ 4-5 แห่งไว้ก่อน เมื่อมันพร้อมจะให้ไข่ชุดแรกของฤดูกาลออกมาแม่เต่าจะเลือกรังใดรังหนึ่งก่อน แล้วเริ่มขุดหลุมเพื่อสร้างรังแล้วเริ่มวางไข่ฝนช่วงเวลากลางคืน หรือเช้าตรู่ แต่ละรังจะมีไข่ 15-30 ฟองโดยในแต่ละครั้งเมื่อแม่เต่าไข่เสร็จจะปัสสาวะรอบๆหลุมไข่ เพื่อให้ความชื้นแก่ไข่ถ้าหากว่าภายในรังไข่นั้นมีความชื้นน้อยเกินไป หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 เดือนมันก็จะเริ่มไข่ชุดถัดไปที่รังอื่นๆ และมันจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าไข่ในรังไข่มันจะหมดไป


แม่เต่าเริ่มวางไข่ในหลุมที่มันขุดและคัดสรรค์ด้วยตัวเอง



เมื่อ แม่เต่าไข่ในแต่ละรังเสร็จสิ้นแล้ว ช่วงนี้แม่เต่าจะต้องการน้ำมากเพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไป ช่วงนี้เคล็ดลับอีกอย่างคือการให้น้ำผสมวิตามิน แคลเซียมร่วมด้วย จะเป็นการช่วยบำรุง เสริมน้ำและแร่ธาตุในร่างการที่สูญเสียไปให้กลับคืนได้เป็นอย่างดี


ใน ไข่เต่าซูคาต้าตามธรรมชาตินั้นจะฟักเป็นตัวในเวลาประมาณ 8 เดือน แต่เต่าในที่เลี้ยงจะใช้เวลา 5-6 เดือน หรือบางครั้งเมื่อฟักถึง 92 วันไข่เต่าก็เริ่มเป็นตัวแล้ว เมื่อลูกเต่าเริ่มเจาะเปลือกไข่ครั้งแรก มันจะออกมาจากไข่เองในเวลา 24-72 ชั่วโมง เมื่อออกมาจากไข่ลูกเต่ามักจะมีไข่แดงขนาดใหญ่ติดอยู่ที่ใต้ท้อง โดยลูกเต่าจะใช้มันเป็นสารอาหาร ให้พลังงานแก่ร่างกาย 3-7 วันโดยประมาณ หลังจากนั้นไข่แดงที่ว่านี้จะเริ่มยุบลง หน้าท้องที่เคยมีไข่แดงติดก็จะเริ่มปิดตัวลงจนหมด และเครื่องจักรนักกินผักรุ่นใหม่ ก็จะเริ่มทำงานที่มันถนัดต่อไป


ลูกเต่าแรกเกิด กำลังใช้ความพยายามในการออกมารู้จักกับโลกภายนอก






>>>>> ยังไม่จบนะครับ ไว้จะมาเขียนต่อให้จบ ยังไงก็อ่านเท่านี้กันก่อนนะครับ
มีอะไรผิดพลาดผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยเน้ออออออ ...... 


ขอบคุณเครดิตจาก : https://www.facebook.com/pages/The-Ex-StuDio/148940701806761